top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนAnti OC

ฮ่องกงก็คือนิ้วด้วนๆของประชาธิปไตยจากโลกตะวันตก


จากรัฐสภาอเมริกันถึงฮ่องกง เหตุการณ์ทั้งสัปดาห์มาบรรจบกันที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและศิลปิน อ้าย เว่ย เว่ย “ผมกำลังปกป้องสิทธิ์ในการออกมาพูดไม่ว่าใครก็ตาม ผมไม่ได้ต้องการจะมาหาความถูกต้องทางการเมือง”


ผู้สัมภาษณ์: Jeroen Struys (Standaard.be)

วันที่: วันเสาร์ 9 มกราคม 2564 เวลา 15:25 น.



แม้ว่าจะเป็นหัวข้อที่กำลังอยู่ในกระแสสังคม ณ ขณะนี้ แต่ก็เป็นแนวทางการเขียนข่าวที่ไม่ได้คู่ขนานกัน กับนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นเสียงที่สำคัญที่สุดคนหนึ่ง ทุกบทสนทนาจึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจเมื่อคุณได้สัมภาษณ์นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลจีน และยังเป็นศิลปินชื่อว่า อ้าย เว่ยเว่ย (63 ปี) บทสัมภาษณ์ซึ่งควรจะเกี่ยวกับความโหดร้ายของรัฐบาลจีนอย่างที่เห็นได้ในภาพยนต์ชิ้นล่าสุดของเขา ได้ดำดิ่งกลายเป็นการเรียกร้องสิทธิในการประท้วง จากผู้ชุมนุมในฮ่องกงไปยังการต่อต้านที่ลดความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐสภาอเมริกัน


สิ่งที่เขาพูดพ้องกันกับวาทกรรมของฝั่งขวาจัดอย่างในยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่มุมมองของเขาต่างออกไป อ้าย เว่ย เว่ย สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสุดโต่งกับทุกคน ในทุกทาง โดยมีรากฐานมาจากประสบการณ์ของเขากับรัฐเผด็จการ หลังจากที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินจีนที่โด่งดังที่สุดในโลกตะวันตก เขาได้ออกแบบสนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่งสำหรับโอลิมปิกในปี 2008 ซึ่งก็คือสนามกีฬารังนก แต่เมื่อเขาได้ต่อต้านอย่างออกหน้าออกตากับรัฐเผด็จการจีนจึงนำไปสู่การจับกุมการกักตัวในบริเวณบ้าน ออกคำสั่งห้ามพูด จำคุก และในที่สุดก็คือการหลบหนีไปยุโรป


“ผมไม่ได้อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง” เขาเล่าผ่าน Skype จากเมืองลิสบอน “บางครั้งผมอาศัยอยู่ที่เบอร์ลิน หลังจากนั้นก็ลอนดอน ปีที่แล้วผมกำกับละครโอเปร่าที่โรม ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง ผมใช้เวลาอยู่ในโรงแรม สนามบิน และอพาร์ตเมนท์ บางครั้งแฟนและลูกชายของผมก็เดินทางมาด้วยกัน บางครั้งผมเดินทางคนเดียว”


ผมทำสิ่งนี้มาเป็นเวลานานจนไม่รู้วิธีที่มันดีกว่านี้เลย ไม่นานหลังจากผมเกิด พ่อของผมถูกสั่งห้ามเราถูกส่งไปค่ายปรับทัศนคติที่ซินเจียง ซึ่งปัจจุบันคือค่ายปรับทัศนคติสำหรับคนอุยกูร์ ในป่าที่พวกเราถูกปรับทัศนคติด้วยการบังคับใช้แรงงาน เราอาศัยอยู่ในถ้ำใต้ดินเป็นเวลา 5 ปี




ถามไปอย่างนั้น แต่ไม่ต้องการคำตอบ


ความศิวิไลซ์สามารถอยู่รอดได้หรือได้โดยปราศจากมนุษยชาติ ค่ำคืนนี้คือมุมมองของบทสนทนาออนไลน์ระหว่าง นักข่าวจาก VRT แอนนาลีส เบ็ค และ อ้าย เว่ย เว่ย สำหรับ Bozar ในเมืองบรัสเซลล์ เนื่องด้วยสารคดีสองเรื่องซึ่งเป็นภาพยนต์ที่มาแรงที่สุดในช่วงเดือนที่ผ่านมา สำหรับCoronation อ้ายไปสร้างสารคดีที่น่าตื่นตระหนกเกี่ยวกับแนวทางการจัดการวิกฤติไวรัสโคโรน่า ในขณะที่ Cockroach ได้ทำให้ทุกคนร่วมกันเป็นสักขีพยานต่อ Umbrella Revolution ในฮ่องกงที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงหน้าร้อนปี 2019


ในสัปดาห์ที่แล้ว การปฎิวัติจบลงอย่างเหี้ยมโหด ในระหว่างที่ทั้งโลกกำลังจับตามองกับเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลฮ่องกงใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นในการตัดจบ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นตำรวจนับพันนายบุกเข้าไปจับกุมแกนนำ นักกิจกรรม และนักกฎหมาย หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาทั้งหมด 53 คนถูกจับและความเชื่อมั่นที่จะปลดแอกฮ่องกงก็ดับมืดลง จีนมีความหนักแน่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่กฎหมายความมั่นคงของชาติฉบับใหม่ที่ประกาศออกมาในฤดูร้อนที่ผ่านมาทำให้การขัดขืนยากขึ้นในทุกรูปแบบ ไม่มีอะไรหรือใครที่ดูจะสามารถรับมือกับรัฐเผด็จการได้




นี่คือจุดจบของการปฏิวัติหรือไม่ หรือจะมีคนขึ้นมาแทนนักกิจกรรมที่ถูกคุมขังและแทนที่พวกเขา?


“เป็นไปไม่ได้ ใครก็ตามที่บินได้ถูกเอาออกไปจากท้องฟ้าแล้ว คนที่ยังอยู่บนพื้นดินก็ไม่มีวันจะโบยบิน นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นมันเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพวกเขาไม่ได้ตระหนักรู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมีปีก พวกเขาถูกทำให้เป็นอัมพาฒจากความกลัว”




ยุโรปควรเข้ามาแทรกแซงหรือไม่?


“ถ้ามีคนเจ็บหรือมีคนมาลักพาตัวลูกของคุณ คุณจะเข้ามาขัดขวางไหม? ถ้าระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกทำร้าย อย่างเช่นที่ฮ่องกงนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขัดขวางหรอกหรือ? การลุกฮือที่ฮ่องกงเป็นอะไรที่บริสุทธิ์ที่สุด เป็นประชาธิปไตยที่สุด และเป็นการขับเคลื่อนที่ปราศจากความรุนแรงที่สุดเพื่อต่อต้านเผด็จการที่โหดเหี้ยม แต่ชาวยุโรปกลับถามว่า เราควรจะทำอะไรสักอย่างมั้ย? และเราควรจะทำอะไร? คำถามแบบนี้แสดงใ้ห้เห็นแล้วว่าพวกคุณไม่ต้องการจะลงมือทำ ถ้าลูกของคุณถูกทุบตี คุณยังจะมาถามหรือว่าเราควรทำอะไรสักอย่างมั้ย คุณจะถามคำถามนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา”


“นิ้วที่บาดเจ็บอย่างรุนแรงไม่สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ ฮ่องกงก็คือนิ้วด้วนๆของประชาธิปไตยจากโลกตะวันตก จีนแสดงให้เห็นชัดแล้วว่าพวกเขามองฮ่องกงเป็นเรื่องภายในที่ไม่มีใครควรเข้าไปยุ่ง ถ้าโลกตะวันตกปล่อยมันไว้อย่างนั้นแล้วยังคงทำธุรกิจกับจีน จีนก็คงได้แต่นั่งขำขัน อย่างเช่นการที่เยอรมันนีกลายมาเป็นจังหวัดหนึ่งของจีนและอังเกล่า แมร์เคิลก็กลายเป็นผู้ราขการจังหวัด ซึ่งได้รับคำชมจากผลงานที่มีให้กับวงการอุสาหกรรมรถยนต์ของจีน”




ซึ่งในระหว่างนี้สหภาพยุโรปก็ได้เข้าไปทำการค้าอย่างเต็มรูปแบบกับจี


“แน่นอน สหภาพยุโรปก็เหมือนขอทาน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จนได้กลายเป็นหุ้นส่วนที่น่าสนใจที่สุด ยุโรปสร้างขึ้นมาจากการล่าอาณานิคม โลกาภิวัฒน์ก็เป็นแค่รูปแบบใหม่ของมัน ยุโรปได้ทำร้ายพื้นที่ที่สิทธิมนุษยชนเข้าไม่ถึง สถานที่ที่ไม่มีการปกป้องคนงานจากการแสดงออกอย่างเสรีภาพ ประเทศเผด็จการจึงเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่สุดของแมร์เคิล และที่นั่นคือเยอรมันนี ซึ่งมีประวัติศาสตร์ของระบอบการปกครองแบบเผด็จการ”


“พวกเราก็รู้กันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน เพราะอะไร? เพราะสื่อของโลกตะวันตกล้วนช่วยกันปกปิด คุณเรียกมันว่าประชาธิปไตย แต่สื่อกับควบคุมข้อมูลทุกอย่าง สื่อมีอำนาจในการจะทำให้ทุกคนเงียบ Facebook และ Twitter สามารถลบทวีตและตัวตนของคนได้ นั่นคือสิ่งที่รัฐจีนกำลังทำอยู่ซึ่งก็คือข้อโต้แย้งของพรรคคอมมิวนิสต์”




เดี๋ยวก่อนนะ….


“ฟังนะ Twitter เชื่อว่าทวีตบางทวีตสามารถทำร้ายสังคมได้ แต่ใครเป็นคนตัดสินว่าอะไรกำลังทำร้ายสังคม? ทำไมเราไม่ปล่อยให้ผู้คนได้ตัดสินใจเอง หรือมันขึ้นอยู่กับรัฐในจีน หรือบริษัทใหญ่ๆในอเมริกาหรือยุโรปที่จะเป็นคนตัดสิน? ในทั้งสองกรณีผลลัพธ์มันไม่ได้ต่างกัน คือทำลายผู้ต่อต้านรัฐและควบคุมเสียงของพวกเขา”




Facebook และ Twitter กำลังเข้ามาแทรกแซงเพราะมันเกี่ยวกับการโกหกซึ่งๆ หน้าเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งแสดงออกโดยบุคคลที่มีอำนาจมากๆ เราควรจะปกป้องประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ?


“นั่นแหละคือคำโกหกจากการใช้อำนาจ Facebook ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินได้ว่าอะไรคือคำโกหก ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินได้ Twitter รู้ได้อย่างไรว่าคนคนหนึ่งกำลังจะโกหกในเมื่อเขายังไม่ได้พูด? พระเจ้ายังทำไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่เชื่อในการตัดสินใจของผู้คนแล้วปล่อยให้บริษัทใหญ่ๆ เป็นคนตัดสิน คุณกำลังโยนสิทธิเสรีภาพของคุณทิ้งไป นั่นเป็นการพาพวกเรากลับไปสู่ยุคกลาง ตอนที่โบสถ์เอานักวิทยาศาสตร์ไปประหารเมื่อพวกเขาบอกว่าโลกกลม เมื่อโบสถ์บอกว่านั่นคือคำโกหก นั่นคือสิ่งชั่วร้าย นั่นแหละข้อโต้แย้งของคุณ เรายอมรับมันไม่ได้”


“ในสังคมยุคโมเดิร์น สิทธิเป็นเรื่องของปัจเจก ปล่อยให้ทุกคนได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ช่างหัวFacebook และ Twitter พวกนี้มันคือสัตว์ร้ายที่ต้องการแค่เพียงสิ่งเดียว ก็คือทำเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”


“เมื่อทุกคนเดินไปในทิศทางเดียวกัน คุณมีระบอบเผด็จการ ใครก็ตามที่เดินไปทางอื่นจะถูกทำลายเราเห็นสิ่งนี้มาขึ้นทุกวันในสังคม สิ่งที่อันตรายที่สุดคือหลักสูตรการเรียนมหาวิทยาลัย ตัวมหาวิทยาลัยกลายเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นที่ที่เราจะได้ของไม่จำเป็น จำเจ และแนวคิดที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ตั้งคำถามกับระบบ ผู้คนได้ถูกล้างสมองอย่างสมบูรณ์จากสื่อกระแสหลัก CNN และ New York Times เป็นส่วนสำคัญในการสั่งห้ามมุมมองทางการเมืองในขั้วตรงข้าม ผมรู้ว่าทรัมป์พูดโกหกมากมายและตัดสินใจผิดพลาด แต่เราควรจะได้ยินมันก่อน อย่าเอาสิทธิ์นั้นของเราไป สิทธิเป็นของเรา ไม่ใช่ The New York Times”




คุณต้องการสิทธิที่จะพูดในสื่อกระแสหลักพวกนั้นใช่มั้ย


“เราจะมาดูกันว่าคุณจะตีพิมพ์มันหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะพิมพ์มันหรือไม่ก็ตามมันไม่สำคัญ ผมแค่ต้องการพูดอย่างมีอิสระเสรี แม้กระทั่งตอนที่ผมถูกควบคุมโดยคอมมิวนิสต์และไม่ได้รับอนุญาตให้พูดผมก็ยังพูด ผมพูดความคิดของตนเองอย่างอิสระเสมอมา ผมทำเมื่อผมอยู่ในจีนและผมกำลังทำมันในยุโรป”




เพราะที่นี่มันย่ำแย่ไม่ต่างกันหรือ?


“ดูอย่างจูเลียน อัสซายน์ที่ติดอยู่ในอังกฤษเพราะเขาปล่อยข้อมูลความลับที่ชั่วร้ายที่สุดของรัฐWikileaks เคยเป็นแพลตฟอร์มหลักในการปล่อยข่าวนั้น ถ้าคุณทำลายมันเท่ากับว่าคุณทำลายวงการข่าวทั้งหมด ดูอย่างเอ็ดเวิร์ด สโนว์เด็น ชาวอเมริกันที่ติดอยู่ในรัสเซีย และกำลังจะเป็นพ่อคนมีใครสู้เพื่อพวกเขาที่เสียสละอิสรภาพและความสะดวกสบายเพื่อยึดมั่นในคุณค่าที่พวกเขายึดมั่นบ้าง?”




เสรีภาพในการพูดมีขีดจำกัดหรือไม่?


“อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของเสรีภาพในการพูดถ้าคุณไม่อดทนยอมรับการต่อต้าน การล้มเลิกเสรีภาพในการพูดคือความตายของโลกของผู้มีปัญญา มันคือการดูถูกเกียรติยศและจิตวิญญาณของมนุษย์”


“ที่รัฐสภาในอเมริกามีผู้หญิงถูกยิงขณะประท้วงโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรง ทุกหนังสือพิมพ์ต่างเรียกพวกเขาว่าอันธพาล พวกเราเรียกผู้ประท้วงของ Arab Spring ว่าอันธพาลหรือไม่? ไม่ เพราะคนพวกนั้นในตะวันออกกลางได้รับการสนับสนุนจากโลกตะวันตกที่จะฆ่าประธานาธิบดีของพวกเขา! การตอแหลแบบนี้มันควรจะหยุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่สามารถมองในกระจกแล้วถามว่าฉันเป็นใคร? ได้หรอก”




คุณกำลังเปรียบเทียบกบฎที่รัฐสภากับ Arab Spring อย่างนั้นหรือ?


“ด้วยความแตกต่างที่พวกเขาเกรี้ยวกราดน้อยกว่ามาก นี่คือคนที่แค่อยากจะรวมกลุ่มกันและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะโต้เถียงอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้หญิงถูกยิง”


“นี่คือเวลาที่เราจะต้องลุกขึ้นมาพูดถึงมัน เดี๋ยวผู้คนก็จะหาว่าผมสนับสนุนทรัมป์ ซึ่งผมเปล่า ผมคือคนแรกที่วิจารณ์เขา ก่อนที่คนอื่นจะเริ่มพูดเสียอีก แต่ผมกำลังปกป้องสิทธิ์ในการออกมาพูดไม่ว่าใครก็ตาม ผมไม่ได้ต้องการจะมาหาความถูกต้องทางการเมือง”




คุณใช้โซเชียลมีเดียเช่น Instagram และ Twitter เพื่อพูดความเห็นของคุณ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเสรีภาพทางการพูดหรอกหรือ?


“ไม่เลย ชีวิตของพวกเราถูกทำลายด้วยบริษัทใหญ่ๆ เหล่านั้น พวกเขากำหนดว่าพวกเราเป็นใครแน่นอนเขาให้พื้นที่คุณนิดหน่อย คุณยังคงมีสวนหลังบ้านที่จะปลูกผักแปลงเล็กๆ แต่ดูสิ่งที่พวกเขาทำ คุณยังปลูกผักของคุณอยู่หรือเปล่า?”




แต่ยังไงอินเตอร์เน็ตก็ยังเปิดโอกาสให้คุณเผยแพร่สารคดีของคุณ คุณเช่าพื้นที่ของ Vimeo


ไม่ใช่ด้วยทางเลือกของคุณเอง พวกเขาไม่ตอบรับเทศกาลหนังหลายแห่ง ตั้งแต่ Venice ถึงSundance หรือสตรีมมิงใหญ่ๆ เช่น เน็ตฟลิกซ์หรือแอมะซอนก็ปฎิเสธ เพราะทุกเทศกาลหนังและทุกบริษัทล้วนทำงานกับจีน เพราะมันเป็นตลาดที่สำคัญมาก สำหรับพรีเมียร์ของ Coronation เราได้ฉายที่โรงไอแมกซ์ในเบอร์ลิน แล้วไอแมกซ์ก็ยกเลิกก่อนงานพรีเมียร์ หลังจากนั้นผมจึงพบว่าพวกเขาดีลกับบริษัทจีนเพื่อจะสร้างโรงภาพยนต์ใหม่ในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาไปหน่อยเลย


ที่มา :



ดู 48 ครั้ง0 ความคิดเห็น

תגובות


bottom of page